วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2550



การใช้ชีวิต 6 ระดับ


1. การใช้ชีวิตตามความหวาดกลัว
คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในระดับนี้ การใช้ชีวิตในระดับนี้ การตัดสินใจในชีวิตไม่สนใจเรื่องถูกต้อง แต่สนใจในเรื่องถูกใจ คิดแต่ความหวาดกลัว เช่น กลัวลูกน้องไม่รัก กลัวเพื่อนไม่คบ

2. การใช้ชีวิตตามกติกา
ในระดับสังคมบ้านเมือง เราใช้กติการในการดำเนินชีวิตมาก กติกาหลักๆ ที่เราใช้ มักจะเกี่ยวข้องอยู่กับ เรื่องสองสามเรื่องคือ "เงิน-เศรษฐศาสตร์" เราจะคำนึงถึงความคุ้ม กำไรและมักใช้สิ่งนี้ เป็นเหตุผลในการตัดสินใจ "วิชา" การตัดสินใจทำสิ่งใด อาศัยว่าได้เรียนมาอย่างไรก็ทำไปตามนั้น "กฎหมาย" ชีวิตเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับกฎหมาย ดำเนินชีวิตไปตามกฎเกณฑ์ ที่กฎหมายกำหนดไว้

3. การใช้ชีวิตตามสำนึกที่ดี
ส่วนใหญ่แล้วเราใช้ชีวิตในระดับสำนึกที่ดี แต่บางทีเราก็ท้อแท้ว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี เพราะเราทำดีแล้ว เราหวังว่าเราควรจะได้อะไรตอบแทน ที่ไม่ได้ก็ผิดหวัง แต่เมื่อเราได้พบเห็นคนที่เขาทุกข์ยาก ลำบากกว่าเรา เราเองก็อาจจะรู้สึกว่า โชคดีเท่าไรแล้ว ที่เราได้ทำดี ได้ใช้ชีวิตที่ดี

4. การใช้ชีวิตตามความจริง
คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในระดับนี้ เป็นคนที่อยู่กับความจริงที่มันเป็นจริงๆ คาดหวังให้ตรงกับความเป็นจริง ความจริงไม่ใช่สิ่งที่เราต้องค้นหา เพียงแต่อย่าใส่ความไม่จริงลงไป ถ้าเราใช้ชีวิตอย่าง ไม่เข้าใจความจริง เราก็จะใช้ชีวิตไปตามแรงจูงใจ ด้วยอุดมคติ แรงจูงใจด้วยความคาดหวัง ซึ่งเสี่ยงต่อความพลาดผิดหวัง ท้อแท้ และเสียใจ
5. การใช้ชีวิตด้วยความว่าง
เมื่อเราเริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่มันตกลงตรงหน้าเรา เห็นว่าสิ่งทั้งหลายมันเปลี่ยนแปลง และมีวันตาย เห็นความจริงว่า มันสุขๆ ทุกข์ๆ เมื่อเจอความทุก เราก็สามารถเผชิญหน้ากับมันได้ คนที่ใช้ชีวิตในระดับนี้ จะทำใจได้ว่าปัญหาเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นธรรมชาติที่ชีวิตต้องเจอ
6. ชีวิตที่หลุดพ้น เป็นชีวิตที่แข็งแรง
ไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของความอยาก ความต้องการใดๆ ที่เกินจำเป็น มองเห็นชีวิตตามความเป็นจริง เลือกใช้ชีวิตแต่ในสิ่งที่เป็นสาระ
*** ได้จาก หนังสือเรื่อง "แรงดลใจแห่งชีวิต" ผู้เขียนคือ คุณโสภณ สุภาพงษ์ ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า ส่วนมากเราจะใช้ชีวิตกันอยู่ที่ระดับที่ 1 - 4 ขึ้นอยู่กับว่า บุคคลนั้น ได้รับการอบรม และสั่งสมประสบการณ์ชีวิตมาอย่างไร..

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เครียดจังเลยใกล้สอบแล้ว งานเยอะมากๆ เพื่อนๆคนอื่นก็คงคิดเหมือนเราใช่มะ (สู้ๆสู้ตาย!!!)


น้ำช่วยแก้อาการปวด


ใครที่ปวดเนื้อปวดตัว หรือปวดหัวเป็นประจำบ้าง รู้หรือไม่ว่าน้ำสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ วันนี้เกร็ดความรู้ มีเรื่องนี้มาฝากกัน…
หากมีอาการปวดหัวมาก นอนไม่หลับ ให้ใช้กระเป๋าน้ำร้อน ประคบที่บริเวณท้ายทอย แล้วใช้ผ้าเย็นประคบที่หน้าผาก จะทำให้อาการปวดหัวทุเลาลงได้
อาการที่เกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบหรือเอ็นอักเสบ ให้ใช้กระเป๋าน้ำแข็งประคบ ตั้งแต่ต้นคอลงมาถึงหัวไหล่ในวันแรก เพื่อลดอาการอักเสบและใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบ ในวันต่อ ๆ มา จะช่วยให้คลายปวดได้ หรือนอนคว่ำเอาหมอนรองที่หน้าอก จากนั้นเอาน้ำร้อนประคบที่หลังส่วนบน หรือบริเวณกลางหลังตรงกับแนวกระดูกสันหลัง วิธีนี้จะช่วยให้รู้สึกสบาย
ถ้ารู้สึกปวดขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

แนะนำภาพยนตร์เรื่อง แฮรี่ พอร์ตเตอร์ ภาค 5









มันช่างเป็นวันหยุดฤดูร้อนที่ยาวนานและเงียบเหงา



สำหรับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ในระหว่างที่เขารอการขึ้นปีที่ห้าของการเรียนที่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ การต้องทนอยู่กับพวกเดอร์สลีย์ที่แสนร้ายกาจก็แย่พอแล้ว


แต่เขายังไม่ได้รับจดหมายแม้แต่ฉบับเดียว




จากเพื่อนๆ ร่วมชั้นและเพื่อนสนิทอย่างรอน วีสลีย์ และเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์เสียอีก และยังไม่ได้ยินข่าวจากใครสักคนหลังจากเหตุการณ์เผชิญหน้ากับจอมมารโวลเดอมอร์ จดหมายที่มาถึงกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาหวังว่าจะได้รับ—






มันแจ้งว่าแฮร์รี่กำลังจะถูกไล่ออกจากฮอกวอตส์


เนื่องจากใช้ละเมิดกฎการใช้เวทมนตร์นอกโรงเรียนและ ต่อหน้ามักเกิ้ลซึ่งก็คือดัดลีย์ลูกพี่ลูกน้องผู้น่ารังเกียจของเขา โดยไม่คำนึงว่านั่นเป็นการป้องกันตัวจากการโจมตีอย่างดุเดือดและไร้คำอธิบายของสองผู้คุมวิญญาณ



ความหวังเดียวของแฮร์รี่ก็คือ


แก้ข้อกล่าวหาจนถึงที่สุดต่อหน้าศาลที่เลือกปฏิบัติ ซึ่งกำกับโดยคอร์นีเลียส ฟัดจ์ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ ผู้มีเหตุผลของเขาเองที่จะทำให้พ่อมดน้อยต้องจากไปตลอดกาล ในความโทมนัสของฟัดจ์ แฮร์รี่ถูกตัดสินให้พ้นผิด—คงต้องขอบคุณอย่างยิ่ง







สำหรับการขัดจังหวะของอัลบัส ดัมเบิลดอร์


อาจารย์ใหญ่ผู้น่าเคารพของฮอกวอตส์—แต่การกลับมายังฮอกวอตส์ทำให้แฮร์รี่รู้สึกว่าน่ากลัวและไม่สบายใจเป็นครั้งแรก เขาได้เรียนรู้ว่าสังคมพ่อมดแม่มดส่วนใหญ่ถูกชักนำให้เชื่อว่าการเผชิญหน้าครั้งล่าสุดของหนุ่มวัยรุ่นและโวลเดอมอร์เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ซึ่งทำให้ความน่าเชื่อถือของแฮร์รี่ถูกลดทอนลง



แฮร์รี่รู้สึกถูกตัดขาดจากสังคมและโดดเดี่ยว


เขายังถูกรบกวนด้วยฝันร้ายที่เป็นเหมือนการทำนายเหตุการณ์น่าสพรึงกลัวต่างๆ ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือจู่ๆ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ผู้ที่เขาต้องการคำปรึกษามากที่สุด กลับทำตัวห่างเหินอย่างแปลกๆ จากพ่อมดน้อยผู้สับสนและเจ็บปวด



ในขณะเดียวกัน


เพื่อจับตาดูดัมเบิลดอร์และบรรดานักเรียนฮอกวอตส์—โดยเฉพาะแฮร์รี่—ไม่ให้แตกแถว ฟัดจ์ได้แต่งตั้งอาจารย์สอนวิชาศาสตร์มืดคนใหม่ ศาสตราจารย์โดโลเรส อัมบริดจ์ผู้ตีสองหน้า แต่บทเรียนคาถาป้องกันตัวที่ “กระทรวงอนุมัติ” ของศาสตราจารย์อัมบริดจ์กลับทำให้บรรดาพ่อมดแม่มดน้อยไม่พร้อมที่จะป้องกันตนเองจากพลังมืดที่ข่มขู่พวกเขา


ดังนั้นจากการกระตุ้นของเฮอร์ไมโอนี่และรอน แฮร์รี่


จึงตกลงยินยอมที่จะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ในการพบปะกันอย่างลับๆ ของกลุ่มนักเรียนจำนวนไม่กี่คนที่ตั้งชื่อกลุ่มว่า “กองทัพดัมเบิลดอร์” แฮร์รี่ฝึกสอนวิธีการให้พวกเขาป้องกันตัวเองจากศาสตร์มืด เตรียมให้พ่อมดแม่มดรุ่นเยาว์เข้าสู่การต่อสู้อันไม่ธรรมดาซึ่งเขารู้ว่ารออยู่เบื้องหน้า


วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส

ภูมิใจเสนอผลงานของ Heyday Films Production “Harry Potter and the Order of the Phoenix” ภาพยนตร์แสดงโดยแดเนียล แรดคลิฟฟ์, รูเพิร์ท กรินท์, เอ็มม่า วัตสัน, เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์, ร็อบบี้ โคลเทรน, วอร์วิค เดวิส, ราล์ฟ เฟนส์, ไมเคิล แกมบอน, เบรนแดน กลีสัน, ริชาร์ด กริฟฟิธส์, เจสัน ไอแซคส์, แกรี่ โอลด์แมน, อลัน ริคแมน, ฟิโอน่า ชอว์, แมกกี้ สมิธ, อิเมลด้า สทอนตัน, เดวิด ธิวลิส, เอ็มม่า ทอมป์สัน และจูลี่ วอลเตอร์ส

Bonjour tout le monde สวัสดีทุกท่านขอต้อนรับสู่บล็อกของเราค่ะ งานวันชาติฝรั่งเศสอิ่มมากเลย ก็แบบว่าทานครัวซองต์เยอะมากๆแต่ก็ดีค่ะ ดีกว่าต้องหิวเนอะ กิจกรรมวันงานสนุกมากๆเลย

มะเขือเทศไม่ช่วยป้องกันมะเร็ง


องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (เอฟ ดีเอ) แถลงผลการวิจัยล่าสุดพบว่า มะเขือเทศไม่ได้ช่วยป้องกันโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ แต่อย่างใด สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานอ้างผลการวิจัยขององค์การอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) ว่า สารไลโคพีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและทำให้มะเขือเทศมีสีแดง ไม่ได้ช่วยป้องกันโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ อย่างที่มีการระบุไว้ในรายงานหลายฉบับก่อนหน้านี้แต่อย่างใด รายงานของเอฟดีเอสหรัฐระบุว่า การวิจัยไม่พบหลักฐานว่า มะเขือเทศช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งลำไส้แต่อย่างใด อีกทั้งยังพบหลักฐานที่จำกัดเกินกว่าจะยืนยันว่า การบริโภคมะเขือเทศช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งในตับอ่อน เอฟดีเอสหรัฐได้ทำการวิจัยทบทวนผลการศึกษาก่อนหน้านี้ 145 ฉบับเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว หลังจากกลุ่มเกษตรผู้ผลิตและอุตสาหกรรมแปรรูปมะเขือเทศในสหรัฐยื่นขออนุญาตระบุข้อมูลที่ว่ามะเขือเทศช่วยป้องกันโรคมะเร็งบนฉลากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ทำจากมะเขือเทศ.

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2550






Les pains normaux et cantonaux



Définition


Les pains normaux ou cantonaux sont fabriqués exclusivement avec de la farine fleur (blanche), mi-blanche, bise (noire) ou complète.
Seuls très peu d'ingrédients peuvent être ajoutés: Eau, sel, levure, levain séché et malt.
Anciennement, les poids étaient obligatoirement 0.250 kg - 0.500 kg - 1 kg - 2 kg... actuellement, tous les poids sont autorisés, mais avec une indication du poids et du prix aux 100 g !
On peut classer les pains cantonaux selon leur typicité:
1. Base mi-blanc ou bis, avec une texture régulière et moyenne- Zurichois, lucernois, vaudois, glaronnais et zougois (ou Schwytzois)
2. Base mi-blanc ou bis avec une pâte extrêmement tendre, texture irrégulière et grossière- Bâlois et soleurois
3. Base mi-blanc ou bis, replié avant la cuisson (la pâte retombe) avec une texture fine et serrée- St-Gallois et bernois
4. Base de farine complète, texture moyenne et petit volume- Complet et valaisan




Blanc ou Mi-blanc



Confectionné avec de la farine blanche ou mi-blanc selon la sorte, ce pain est le plus apprécié en Suisse romande







Genevois





Les pains genevois sont des produits extrêmement plats. Bien cuits, ils acquièrent une structure de la croûte semblable à celle du pain parisien grâce à une minime part de mie.Pâte à pain mi-blanc mi-ferme.Saupoudrer de farine les pâtons façonnés en rond, les aplatir et, après un court temps de repos, les abaisser régulièrement avec le rouleau à pâte. Après une bonne fermentation, entailler tout le dessus en forme de losanges. Bien cuire à four moyenne- ment chaud.



Jurassien





Pour marquer la fondation du canton du Jura, les patrons boulangers ont créé un nouveau pain cantonal fort décoratif. Par sa forme, le pain du Jura présente certains traits communs avec le pain de Genève, le carrelé vaudois et le pain de seigle valaisan. Le pain du Jura, légèrement bombé, se distingue surtout par sa croûte fine et croustillante.Pâte mi-ferme à pain bis ou à pain mi-blanc.Poser sur des toiles les pâtons façonnés en rond, puis les aplatir légèrement après un court temps de repos. A mi- fermentation, inciser à la surface les contours des armoiries du Jura et saupoudrer d'un peu de farine. Cuire à four moyennement chaud.





Argovien



Un pain originaire du canton d'Argovie, mais qui n'est plus fait, aujourd'hui, que rarement.Pâte Pâte à pain bis ou mi-blanc mi-ferme. Façonner les pâtons d'abord en rond, puis en ovales allongés. Entoiler avec la clef des- sus. Retourner à mi-fermentation et donner un coup de lame ferme et légèrement en forme de S. Enfourner dans un four pas trop chaud. Après la cuisson, lustrer immédiatement avec de l'eau bouillante ou de l'eau de fécule.




c'est bon!





Le passé composé


การใช้


1. บอกเล่าหรือบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและจบลงไปเรียบร้อยแล้ว
- Je suis née le 20 mars 1987. (ดิฉันเกิดวันที่ 20 มีนาคม 2530)
- L' année dernière, j' ai acheté une nouvelle voiture. (เมื่อปีที่แล้วฉันซื้อรถใหม่คันหนึ่ง)
- Est-ce que tu lui as téléphoné ? (เธอโทรศัพท์ถึงเขาแล้วหรือยัง)
2. บอกเล่าหรือบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่มีผลมาถึงปัจจุบัน
- Elle n'a plus d'argent; elle a tout dépensé. (หล่อนไม่มีเงินเหลืออีก หล่อนใช้มันไปหมดแล้ว)
- Elle est tombée. Elle a mal aux genoux. (หล่อนหกล้ม หล่อนเจ็บหัวเข่า)
3. ใช้ตามหลัง "si" ในประโยคที่บอก เงื่อนไข หรือ สมมุติฐาน
- Si tu as fini tes devoirs, tu pourras regarder la télévision. (ถ้าเธอทำการบ้านเสร็จแล้ว เธอก็ดูโทรทัศน์ได้)
- Si vous ne vous êtes pas encore inscrit(e), dépêchez-vous de le faire. (หากคุณยังไม่ไดสมัคร ก็ต้องรีบเร็วเข้า)


รูปแบบ : เราใช้กริยาช่วย (auxiliaire) "avoir" หรือ "être" ในรูป présent + participe passé
"avoir" ใช้กับ verbe ส่วนใหญ่ :
J' ai bien mangé. [inf. = manger]
Tu as fini ton travail ? [inf. = finir]
Il a eu un accident. [inf. = avoir]
Elle a été malade. [inf. = être]
Nous avons dîné dans un bon restaurant. [inf. =dîner]
Vous avez appris l' anglais ? [inf. = apprendre]
Ils ont fait beaucoup de photos. [inf. = faire]
Elles ont mis leur plus belle robe. [inf. = mettre]
ในประโยคปฎิเสธ " ne ............. pas " ครอบกริยาช่วย "avoir"
- Je n' ai pas trouvé sa maison.
- Tu n' as pas fini ?
participe passé ของกริยาแท้ไม่ทำ accord (ไม่เปลี่ยนรูป) ให้สัมพันธ์กับเพศและพจน์ของประธานเมื่อใช้กับ verbe "avoir"
"être" :
1. ใช้กับ verbes ต่อไปนี้ :
aller[allé] - venir[venu] - revenir[revenu] - arriver[arrivé] - partir[parti] - passer[passé]
entrer[entré] - rentrer[rentré] - sortir[sorti] - tomber[tombé] - rester[resté] - retourner[retourné]
monter[monté] - descendre[descendu] - naître[né] - mourir[mort]
- Je suis allé(e) au cinéma hier soir.
- Tu es allé(e) au cinéma hier soir ?
- Il est allé au cinéma hier soir.
- Elle est allée au cinéma hier soir.
- Nous sommes allés(es) au cinéma hier soir.
- Vous êtes allé(e)(es)(s) au cinéma hier soir ?
- Ils sont allés au cinéma hier soir.
- Elles sont allées au cinéma hier soir.
participe passé ของกริยาแท้ต้องทำ accord (เปลี่ยนรูป) ให้สัมพันธ์กับเพศและพจน์ของประธาน
(เติม e สำหรับเพศหญิง - เติม s สำหรับพหูพจน์เพศชาย - เติม es สำหรับพหูพจน์เพศหญิง) เมื่อใช้กับ verbe "être"
สำหรับ verbe : monter, descendre, entrer(rentrer), sortir, passer, retourner : เมื่อตามด้วยกรรมตรง
(complément d' objet direct) ต้องใช้ verbe "avoir" ช่วยในการทำเป็น passé composé
- Elle est passée chez moi hier. (หล่อนแวะมาบ้านฉันเมื่อวาน)
- Elle a passé de bonnes vacances au bord de la mer. (หล่อนใช้เวลาช่วงวันหยุดอย่างมีความสุขที่ชายทะเล)
ในประโยคปฎิเสธ " ne ............. pas " ครอบกริยาช่วย "être"
- Je ne suis pas sorti hier.
- Il n' est pas venu en classe hier.
2. Verbe pronominal ทุกตัว ใช้กับ verbe "être" เมื่อเป็น passé composé
Je me suis lavé.
Tu t' es amusé ?
Il s' est réveillé ?
Elle s' est promenée.
Nous nous sommes disputés.
Vous vous êtes fâchés avec vos copains ?
Ils se sont intéressés à la peinture.
Elles se sont rencontrées dans une fête.
ในประโยคปฎิเสธ " ne ............. pas " ครอบทั้ง สรรพนาม และ กริยาช่วย "être"
- Je ne me suis pas amusé à la fête d' hier soir.
- Elle ne s' est pas fâchée contre toi !
participe passé ของกริยารูป pronominal ต้องทำ accord (เปลี่ยนรูป) ให้สัมพันธ์กับเพศและพจน์ของประธาน
(เติม e สำหรับเพศหญิง - เติม s สำหรับพหูพจน์เพศชาย - เติม es สำหรับพหูพจน์เพศหญิง) เมื่อใช้กับ verbe "être"
ยกเว้นเมื่อมีกรรมตรงตามมา หรือโครงสร้างของกริยา pronominal เป็น กรรมรอง
- Sabine s' est lavée. (ทำ accord) [ซาบิ้นอาบนํ้า]
- Sabine s' est lavé les cheveux. (ไม่ทำ accord เพราะมีกรรมตรง "les cheveux" ตามมา) [ซาบิ้นสระผม]
- Sabine et sa copine se sont téléphoné pendant 2 heures ! [ซาบิ้นกับเพื่อนโทรศัพท์ถึงกันเป็นเวลาตั้ง
2 ชั่วโมง]
(ไม่ทำ accord เพราะโครงสร้างของกริยา pronominal เป็น กรรมรอง : Sabine téléphone à sa copine และ
Sa copine téléphone à Sabine)