วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2550

น้ำพริกกับผักเคียง ช่วยเลี่ยงได้หลายโรค

พูดถึง “น้ำพริก” คนไทยต้องรู้จักเป็นอย่างดี

แม้ว่าแต่ละภาคอาจจะเรียกชื่อแตกต่างกันไปบ้าง เช่น ภาคใต้เรียก “น้ำชุบ” ภาคอีสาน มี “ป่น” “แจ่ว” แต่ ไม่ว่าจะเรียกชื่อต่างกันแค่ ไหน ส่วนประกอบหลักๆ ของน้ำพริกมีคล้ายคลึงกัน แถมยังต้องกินกับผักเครื่องเคียงหลากหลายชนิด ที่มีคุณประโยชน์ทางโภชนาการและป้องกันโรคภัยต่างๆ ได้ด้วย


สมุนไพรที่อยู่ในถ้วยน้ำพริกนั้น

ประกอบด้วย พริก กระเทียม และหอมแดง ซึ่งแต่ละอย่างก็มีสรรพคุณป้องกันได้หลายแบบ เอกสารเผยแพร่ของศูนย์ประสานงาน การแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรให้ข้อมูลสมุนไพรแต่ละตัวไว้ว่า

พริก มีรสชาติเผ็ดร้อน ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้เจริญอาหาร ขับลม แก้หวัด แก้ภูมิแพ้ งานวิจัยพบว่าในพริกมีสารแคปไซซิน ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง

กระเทียม มีสาร “อัลลิซิน” กลิ่นฉุน มีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยไม่ให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มหรืออุดตันตามผนังหลอดเลือด ลดการเกิดโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด

หอมแดง มีสาร “เคอร์ซิทิน” ช่วยทำความสะอาดเส้นเลือด ป้องกัน ไม่ให้หลอดเลือดอุดตัน นอกจากนี้ สมุนไพรที่เป็น เครื่องเคียงกินกับน้ำพริก เช่น สายบัว บัวบก ผักกะเฉด ผักกูด ผักหนาม ยังมีสารประกอบที่ฝรั่งเรียกว่า “ไฟโตเคมีคอลล์” มีฤทธิ์ในการป้องกันโรคร้ายต่างๆ เช่น คลอโรฟิลล์ ฟลาโวนอยด์ แคโรทีนอยด์ เมื่ออยู่ในผักจะออกฤทธิ์ช่วยกันเสริมสร้างร่างกายให้ แข็งแรง เพิ่มภูมิคุ้มกันและต่อต้านอนุมูลอิสระ ในผักยังมีเส้นใยอาหาร หรือที่เรียกว่าไฟเบอร์นั้น ก็ยังมีประโยชน์อีก นั่นคือเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำจะช่วยคุมระดับไขมันและระดับน้ำตาลในเลือด ส่วนเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำจะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลดโอกาสเสี่ยงการเป็นริดสีดวงทวาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่


ทั้งหมดที่ว่ามาแสดงว่าสมุนไพรในหนึ่งถ้วยน้ำพริกนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพเหลือหลาย นอกจากความแซบอันเป็นที่รู้กันโดยทั่วไป แล้วอย่างนี้จะทิ้งน้ำพริกไปหาอาหารฝรั่งกันได้ลงคอเชียวหรือ.

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2550


Girafe







La girafe (Giraffa camelopardalis) est un mammifère ongulé artiodactyle et ruminant, originaire des savanes africaines et répandue du Tchad jusqu'en Afrique du Sud. Le mot girafe vient de l'arabe zarâfa (ZRaFat, زرافة la charmante).
Au terme de millions d'années d'évolution, la girafe a acquis une anatomie unique lui permettant notamment de brouter la cime des arbres.
Chez les
Grecs, la girafe passait pour la fille du chameau et du léopard, d'où le terme de camelopardalis.
Le sage arabe
Al-Qazwini dit d'elle : « Sachant qu'elle se nourrirait dans les arbres, Allah lui donna des membres antérieurs plus longs que les postérieurs ». Elle a été décrite, pour la première fois en France, par Pierre Belon (1517-1564)
En
1809, Lamarck pensait qu'à force d'allonger le cou, elle avait transmis ce trait à sa descendance. En 1872, Darwin pensait que son long cou était dû à une sélection liée aux périodes de famines, où un ou deux pouces faisaient la différence et permettaient de survivre.



Caractéristiques


Il s'agit de l'animal le plus grand en hauteur, pouvant, grâce à son cou tout en longueur, atteindre jusqu'à 5,50 m ou même 5,80 m. Cependant celui-ci ne comporte pas plus de vertèbres (7) que celui des autres animaux (ou que l'homme).
Son poids est de 950 à 1100 kilogrammes pour les femelles et peut aller jusqu'à 1500 kg pour les mâles.
Son espérance de vie est de l'ordre de 25 ans.
[1]
Son pelage à dominante rousse est réticulé ou tacheté de jaune.
Son ventre est blanc.
La tête porte deux petites cornes recouvertes de peau




Gravité et circulation


Pour la NASA, étant le plus "haut" des animaux, elle est le modèle idéal pour étudier l'effet de la gravité sur la circulation. Les phlébologues de la NASA ont copié son réseau sanguin pour réaliser la combinaison anti-G des pilotes de chasse et astronautes.
Son
cœur de 11 kg pompe 60 litres de sang par minute. Dans les artères du cou, tout un réseau de muscles annulaires aident à hisser le sang jusqu'au cerveau. Dans les veines, les valvules, véritables soupapes, orientent le sang vers le cœur.
Lorsque l'animal baisse la tête au sol, les valves de la
jugulaire sont fonctionnelles et empêchent le sang de retomber vers le cerveau (ce qui conduirait à un "voile rouge").
La veine jugulaire de la girafe est la plus longue et la plus droite du monde animal et possède 9 valves. En
1993 à Vincennes son endoscopie confirma que les constituants anatomiques d'une veine sont orientés en fonction de son axe d'aplatissement et donc qu'une veine a bien deux faces et deux bords.
En bas des jambes où la
pression est énorme, un système de capillaires sanguins très résistants, comparables aux nôtres, empêche l'œdème fatal.




Sa nourriture

girafe se nourrit de feuilles d'arbre et ne broute ou ne s'abreuve au sol qu'en écartant les pattes de devant ou en pliant les genoux, après avoir bien inspecté les alentours, et lève souvent la tête entre deux gorgées, bien consciente de sa posture périlleuse.
Les
acacias de la savane ont grandi pour échapper aux zèbres et aux antilopes, mais leurs feuilles les plus tendres poussent entre 2 et 6 mètres, ce qui constitue pour la girafe la hauteur idéale et sa niche alimentaire.
Elle a la langue la plus puissante, la plus coriace et la plus longue (54 cm) parmi les ongulés. Elle peut l'allonger pour atteindre les pousses les plus tendres entre les barrières d'épines d'acacias.
La girafe n'a pas d'incisives à la mâchoire supérieure. Elle saisit donc les pousses d'acacias avec sa langue, puis les guide entre ses lèvres, referme la bouche et tire la tête en arrière pour racler les feuilles grâce à ses dents du bas.
Certains acacias (Acacia drepanolobium) se défendent en hébergeant dans des galles des
fourmis agressives du genre Crematogaster, à la morsure cuisante à la bouche et aux lèvres des girafes. Les acacias broutés émettent de plus une hormone végétale de stress qui prévient en quelque sorte les acacias voisins d'une agression. Ces derniers augmentent leur production de tanin, qui rend les feuilles plus amères et moins appétentes pour la girafe, laquelle s'éloigne alors pour aller brouter plus loin. Cette boucle de rétroaction expliquerait que les girafes et les éléphants n'ont jamais surexploités les acacias.










พบสารในเปลือกส้มเขียวหวาน มีฤทธิ์ทำลายเซลล์ มะเร็ง


งานวิจัยของเภสัชกรในอังกฤษพบว่า

เปลือกส้มเขียวหวานมีฤทธิ์ช่วยต้านทานมะเร็งบางอย่างได้ นักวิทยาศาสตร์ของเลสเตอร์ สคูล ออฟ ฟาร์มาซี พบว่า สาร “ซาลเวสตรอล คิว 40” ในเปลือกส้มเขียว-หวาน สามารถทำลายเซลล์มะเร็ง ที่มีส่วนประกอบของเอนไซม์ “พี 450 ซีวายพี 1 บี 1” ลงได้ ซึ่งจากข้อค้นพบ นี้อาจนำไปสู่แนวทางใหม่ในการบำบัดโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งทรวงอก ปอด ต่อมลูกหมาก และรังไข่ ได้ต่อไป

ดร.ฮูน แอล.ตัน นักเคมีด้านยา กล่าวว่า

“เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างมาก ที่ได้พบว่าสารประกอบในอาหารสามารถต้านมะเร็งเฉพาะอย่างได้ สารซาลเวสตรอล อาจช่วยให้เกิดกลไกอย่างใหม่ในการใช้โภชนาบำบัดต้านมะเร็ง” อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า แต่ อาหารสมัยใหม่นั้นได้ทำลายซาลเวสตรอลให้หมดลงไป เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่กินเปลือกผลไม้กันอีกต่อไปแล้ว และนี่จึงอาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่พบว่ามีมะเร็งบางอย่างเกิดขึ้นมากในคนเรา


งานวิจัยชิ้นนี้ได้นำเสนอต่อที่ประชุมด้านเภสัชอังกฤษ ที่แมนเชสเตอร์ นักวิจัยเตือนว่าสิ่งที่พบยังเป็นเพียงการค้นพบขั้นต้น และยังจำเป็นต้องทดสอบอีกหลายครั้งกว่าจะถึงขั้นทดลองทางคลินิก ซึ่งอาจกินเวลา 5-7 ปี.

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2550

เด็กเสียเวลาหน้าจอวันละกว่า 2 ชม. อาจมีปัญหา เรื่องความสนใจตอนโต


ผลการศึกษาในนิวซีแลนด์พบว่าการที่เด็กดูโทรทัศน์เป็นเวลานานมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน ในช่วงยังเล็กอยู่ อาจจะนำไปสู่ปัญหาเรื่องความสนใจในช่วงวัยรุ่นได้


การศึกษาระยะยาวเกี่ยวกับเรื่องนิสัยและพฤติกรรมของเด็กกว่า 1,000 คนที่เกิดในเมืองดูเนดิน ประเทศนิวซีแลนด์ ระหว่างเดือนเมษายน 2515- มีนาคม 2516 เด็กที่มีอายุ 5-11 ขวบ ใช้เวลาดูโทรทัศน์เฉลี่ย 2.05 ชม.ในวันระหว่างสัปดาห์ สำหรับเด็กอายุ 13-15 ปี ใช้เวลาโดยเฉลี่ยอยู่หน้าจอทีวี วันละ 3.1 ชม.


“คนที่ดูทีวีมากกว่า 2 ชั่วโมงและโดยเฉพาะคนที่ดูทีวีมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวันระหว่างวัยเด็กนั้น เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นจะมีปัญหาในกลุ่มอาการเรื่องความสนใจในช่วงวัยรุ่น” คาร์ล ลานดุส จากมหาวิทยาลัยโอตาโก ในดูเนดิน รายงานในวารสารกุมารเวชศาสตร์
รายงานกล่าวด้วยว่า เด็กเล็กที่ใช้เวลาดูทีวีมากๆ จะยังคงดำเนินลักษณะนิสัยนั้นต่อไปเมื่ออายุมากขึ้น แต่ถ้าหากว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น ความเสียหายก็ได้เกิดขึ้นแล้ว จุดนี้จึงเป็นข้อเสนอแนะว่าผลกระทบจากการดูโทรทัศน์ต่อปัญหาเรื่องความสนใจนั้น อาจจะมีอยู่อย่างยาวนานและคงต้องมีปัจจัยอีกหลายประการประกอบกัน ตัวอย่างเช่น การที่รายการทีวีมีการเปลี่ยนฉากอย่างรวดเร็วปรากฏโดยทั่วไปนั้น อาจจะไปกระตุ้นพัฒนาการทางสมองของเด็กมากเกินไป และเมื่อเปรียบเทียบกับโลกความจริงแล้วทำให้น่าเบื่อ


อย่างไรก็ตาม การศึกษาครั้งนี้ไม่ได้เป็นข้อพิสูจน์ว่า การดูโทรทัศน์เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาเรื่องความสนใจ เพราะตัวเด็กเองอาจจะมีแนวโน้มที่จะมีปัญหานั้นอยู่แล้ว แต่การดูโทรทัศน์มีส่วนเข้ามาชักจูงให้เป็นมากขึ้น.



อย่าเคี้ยว หมากฝรั่งแก้เครียด


เคี้ยวหมากฝรั่ง” ใครๆก็ทำกัน บางคนเคี้ยวเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย แต่สำหรับบางคน “เครียด” จึงเคี้ยว


สำหรับคนที่รู้สึกเครียดแล้วจะเคี้ยวหมากฝรั่งแก้เครียดนั้น ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าได้ทำบ่อยนัก มันจะส่งผลไม่ ค่อยดีกับสุขภาพเหงือกและฟันเท่าไร อันนี้เป็นข้อมูลจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเท็กซัสเซาธ์เวสเทิร์น ที่ดัลลัส เน้นย้ำกันมาเลยว่า...


เมื่อคุณเครียดคุณมีแนวโน้มที่จะออกแรงบดเคี้ยวหมากฝรั่งอย่างรุนแรง ซึ่งการกระทำอย่างนั้นจะทำให้ขากรรไกรเกิดอาการเคล็ดขัดยอกขึ้นมาได้


การเคี้ยวหมากฝรั่งหนักแรงเกินไปสามารถทำให้ขากรรไกรล้าและระบม หรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่าทำให้เกิดอาการ “ทีเอ็มเจ” (TMJ) อันเป็นอาการที่ส่งผลต่อข้อและขากรรไกรล่าง ใครที่มีอาการนี้เข้าก็จะปวดหัวและปวดคอ ที่ยุ่งหนักเลยก็คือจะขยับปากให้อ้าเปิดหรือหุบลงแต่ละครั้งก็ทำได้ยากเต็มที


ถ้าเกิดอาการอย่างที่กล่าวมาแล้วล่ะก็ ขอแนะนำว่าให้พักขากรรไกรสักระยะหนึ่ง ด้วยการหยุดเคี้ยวหมากฝรั่งสัก 2-3 วัน ถ้าพักแล้วอาการยังไม่บรรเทาเบาบางลง ก็ต้องไปพบแพทย์ดีกว่า.

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2550

ดื่มไวน์แดงมีประโยชน์เพิ่มขึ้นอีก ช่วยป้องกัน มะเร็งต่อมลูกหมาก






นักวิจัยรายงานผลจากการวิจัยใน


หนูทดลองเพศผู้ที่ให้กินสารประกอบที่พบในไวน์แดง ซึ่งเรียกว่า “เรสเวราทรอล” ช่วยให้หนูทดลองมีความเสี่ยงลดลงที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ถึงร้อยละ 87 นอกจากนี้ พบว่าหนูที่กินเรสเวราทรอลแต่ยังคงเป็นมะเร็ง จะมีความรุนแรงของมะเร็งลดลง และมีหนูทดลองถึงร้อยละ 48 ที่พบว่าเซลล์มะเร็งหยุดการเติบโต หรือเติบโตช้าลงเมื่อเปรียบเทียบกับหนูที่ไม่ได้รับเรสเวราทรอล



ผลการศึกษาครั้งนี้ช่วยเสริมหลักฐานว่า


การได้รับเรสเวราทรอลจากไวน์แดงมีฤทธิ์ในเชิงป้องกันทางเคมี นอกเหนือจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ ก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้วมีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเดียวกันนี้ยังแสดงให้เห็นว่า เรสเวราทรอลไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะผู้ชายเท่านั้น แต่ในผู้หญิงที่ได้รับสารนี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะนี้นักวิจัยกำลังศึกษาว่ามนุษย์ต้องการสารเรสเวราทรอล ในปริมาณมากน้อยเพียงใดถึงจะเพียงพอต่อการป้องกันมะเร็ง ในการวิจัยครั้งนี้หนูทดลองได้รับไวน์ในปริมาณเทียบเท่ากับคนดื่มไวน์วันละ 1 ขวด โดยแพทย์แนะนำว่าสำหรับผู้ชายควรดื่มไวน์แดงโดยเฉลี่ยวันละ 2 แก้ว ส่วนผู้หญิงวันละ 1 แก้ว แต่ถ้าต้องการเสริมก็สามารถหารับประทานได้จากผลไม้ เช่น องุ่น ราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ หรือถั่วเปลือกแข็ง.




วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2550

วันนี้คุณกินข้าวเช้าหรือยัง ขอบอกว่าสำคัญมาก

หมอที่โรงพยาบาลฯ บอกว่า

ทุกคนต้องกินอาหารเช้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้หลากหลาย เพราะเมื่อร่างกายไม่มีพลังงานจากอาหารเช้าไปใช้ ร่างกายจะดึงสารอาหารจากอวัยวะส่วนอื่นออกมา (ไม่ใช่ไขมัน ไขมันยังอยู่เหมือนเดิม) ซึ่งภายใต้กระบวนการนี้จะเกิดกรดชนิดหนึ่งออกมาด้วย ซึ่งการที่เราบอกว่าไม่กินข้าวเช้า ก็ยังทำงานได้เป็นปกติมาตั้งหลายปีแล้ว นั่นคือ ร่างกายได้นำเอากรดที่เกิดขึ้นมาใช้แทนพลังงานทุกวัน เราจึงทำงานโดยใช้กรดแทนพลังงาน และเมื่อร่างกายต้องผลิตกรดออกมาบ่อยๆ พออายุมากขึ้นเราก็จะเป็นโรคตามมาหลายอย่าง

นอกจากนี้ เรารู้หรือไม่ว่า โดยปกติแล้วร่างกายของมนุษย์เราผลิตสารพิษอยู่ภายในร่างกายตลอดเวลา เป็นขยะ เหมือนรถที่เมื่อเติมน้ำมันเข้าไปแล้วก็จะมีควันออกมา ภาษาทางการแพทย์เขาเรียกขยะในร่างกายนี้ว่า สารอนุมูลอิสระ (oxidant) เกิดจากการสันดาปพลังงานของร่างกาย แล้วคายของเสียออกมา(ไม่ใช่อุจจาระนะ คนละแบบ)

นอกจากนี้ร่างกายจะเร่งผลิตสารอนุมูลอิสระอีกก็ต่อเมื่อเวลาเราเครียดหรือต้อง ทำงานหนัก ใช้สมอง ประกอบกับเจอมลภาวะต่างๆ สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ อุปนิสัยการดื่มสุรา สูบบุหรี่ ก็ยิ่งเป็นตัวสร้างให้เกิดสารพิษนี้มาก การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอตอนกลางคืนเป็นหนทางและเวลาสำคัญที่ร่างกายจะสร้างสารต่อต้านสารอนุมูลอิสระ (anti-oxidant) ขึ้น เพื่อกำจัดสารอนุมูลอิสระที่เกิดตอนกลางวัน การนอนให้เพียงพอและหลับสนิทจะเป็นประโยชน์ไม่เฉพาะการกำจัดของเสีย แต่ยังช่วยให้เม็ดเลือดแดงของคนเราแข็งแรง สร้างฮอร์โมนเพศทำให้ร่างกายสมบูรณ์ มีน้ำมีนวล

คุณหมอเอาภาพขยายเม็ดเลือดแดงของผู้จัดการชายอายุ 35 คนหนึ่งซึ่งเป็นคนไข้มาให้ดู

เปรียบเทียบกัน 2 ภาพ ผู้ชายคนนี้เหมือนมนุษย์งานทั่วไป ทำงานหนักและเครียดขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ ปรากฎว่าจำนวนเม็ดเลือดแดงของเขามีลักษณะเป็นก้อนขยุกขยุย ไม่เป็นรูปทรงกลม เหมือนกลุ่มเม็ดเลือดแดงที่ควรเป็น เกิดความผิดปกติขึ้นเนื่องจาสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกาย ซึ่งก็จะนำมาซึ่งโรคร้ายจำนวนมากอย่างที่คนไทยกำลังนิยมอยู่ จงจำไว้ว่า

1.ทานอาหารเช้าแบบราชา อาหารกลางวันพอประมาณ และอาหารเย็นแบบยาจก หลีกเลี่ยงไขมันและของหวาน ออกกำลังกายให้ได้วันละอย่างน้อย 30-40 นาที(20 นาทีแรกร่างกายเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต อีก 10-20 นาทีต่อมาร่างกายจึงจะค่อยเผาพลาญไขมัน)

2.นอนหลับ หรือ หลับนอนก็แล้วแต่ ให้เพียงพอ

3.รับแสงแดด ช่วง 8.00-9.00 ซึ่งมี UV ที่เป็นประโยชน์

4.พยายามเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการหัวเราะ ขำขัน ถ้าบ้าได้ก็ดี ชีวีจะเป็นสุข

คำคม...คมจริงๆ นะ

เรือที่จอดอยู่ในท่าจะปลอดภัยที่สุด

แต่เรือไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้จอดอยู่ในท่า

เธอจะพบความสวยงามของมหาสมุทรได้อย่างไร

หากเธอไม่กล้าพอที่จะออกไปไกลจากฝั่ง

สำหรับคนที่มีความอดทน

แม้ชั่วโมงที่ยากลำบากที่สุดก็ยาวนานเพียง 60 นาที

วันที่ยาวนานที่สุด

คือวันที่หัวใจของเธอไม่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

ฉันเป็นคนมั่งมี

ไม่ใช่เพราะฉันมีมากมาย แต่เป็นเพราะว่าฉันมีมากพอ

บางครั้ง เราอาจไม่เข้าใจการกระทำของตัวเอง

ฉะนั้น จึงไม่ควรตัดสินการกระทำของคนอื่น

ถ้ามองแต่ความผิดของคนอื่น เธอจะมีแต่ความเกลียด

ถ้ามองแต่ความดีของคนอื่น เธอจะมีแต่ความรัก

เมื่อพบความผิดพลาด ก็นับว่า

ความผิดพลาดนั้นได้รับการแก้ไขไปแล้วส่วนหนึ่ง