วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2551


เซลลูไลท์ ( Cellulite) การป้องกันและรักษา

เซลลูไลท์ ( Cellulite) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีเป็นต้นไป และทำให้เกิดความกังวลด้านความสวยงามไม่แพ้โรคอ้วน เซลลูไลท์ คือ ก้อนไขมันใต้ผิวหนังที่ทำให้ผิวหนังแลดูตะปุ่มตะป่ำเหมือนเปลือกผิวมะกรูด เชื่อว่าเกิดจากการที่ไขมันเคลื่อนตัวสูงขึ้นมาอยู่ในชั้นของผิวหนัง หรือเกิดจากการที่มีการไหลเวียนของระบบเลือดในบริเวณนั้นลดลง การคั่งของน้ำเหลือง และฮอร์โมนที่ไม่สมดุลย์ เหตุผลที่ไขมันส่วนนี้ดูเป็นก้อนตะปุ่มตะป่ำ เพราะไขมันใต้ผิวหนังบางครั้งมีจำนวนมากจนกลายเป็นก้อนไขมัน ซึ่งแต่ละก้อนจะมีเปลือกเหนียวๆ หุ้ม ทำให้แลดูภายนอกเห็นเป็นลอนๆ ของก้อนไขมัน บริเวณที่มีการสะสมของเซลลูไลท์มากก็คือ บริเวณต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง รอบเอว และสะโพก เราสามารถตรวจสอบเซลลูไลท์ด้วยตัวเองโดยใช้วิธีง่ายๆ คือหงายท้องแขนแล้วใช้มืออีกข้างบิดแขน ถ้าพบกับผิวหนังที่มีลักษณะขรุขระเป็นก้อนคล้ายผิวส้ม นั่นคือเซลลูไลท์ ซึ่งจะไม่เรียบเนียนเหมือนไขมันทั่วไป

เซลลูไลท์ จัดแบ่งตามลักษณะทางคลินิก ได้เป็น 4 ประเภท คือ
1. Hard Cellulite : พบได้บ่อยในผู้หญิงที่อายุน้อย ( 20-40 ปี) และมีการออกกำลังกายเป็นประจำ ลักษณะจะเป็นก้อนแข็งเมื่อบีบตามร่างกาย จะเป็นก้อนๆ เล็กๆ พบได้บ่อยบริเวณตะโพก บั้นท้าย
2. Flaccid Cellulite : พบได้ผู้หญิงที่อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ลักษณะจะเป็นก้อนไขมันนุ่มๆ มีการหย่อนคล้อย กล้ามเนื้ออ่อนเหลว พบได้บ่อยบริเวณ ท้องแขน คาง รอบเอว หน้าท้อง
3. Edematous Cellulite : มักจะพบจากการไหลเวียนของโลหิตไม่ดี การคั่งของน้ำเหลือง ทำให้ลักษณะเหมือนการบวมน้ำกดบุ๋ม พบได้บ่อยที่ต้นขา ตะโพก จะพบว่าผิวหนังมักจะดูบอบบางเห็นเส้นเลือด บวมๆ
4. Mixed Cellulite: มักจะพบได้บ่อยที่สุด ซึ่งในคนๆ เดียว อาจจะพบ Cellulite ทั้งแบบ 1-3 ได้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย

แนวทางการป้องกันและรักษา Cellulite
1. ควบคุมอาหาร และป้องกันมิให้อ้วนเพิ่มขึ้น : จะช่วยป้องกันการสะสมของไขมันเพิ่มขึ้น เลือกรับประทานอาหารที่ต้านเซลลูไลท์ เช่น พืชผักผลไม้ให้มากขึ้น เพราะวิตามินอีและซีจะช่วยให้ผิวหนังกระชับขึ้น และอาหารกลุ่มที่มีกรดไขมัน ถั่ว น้ำมันปลา เมล็ดพืช จะช่วยการไหลเวียนของโลหิตให้มากขึ้น นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงกลุ่มอาหารคาร์โบไฮเดรต ไขมันสูง ของหวาน อาหารรสเค็ม ไขมันสัตว์ กาแฟ แอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้ยากที่จะขจัดออกจากร่างกาย
2. การออกกำลังกาย : พบว่าการออกกำลังกายอาจทำให้ผิวที่ตะปุ่มตะป่ำดูดีขึ้น เพราะการออกกำลังกายทำให้เกิดการเผาผลาญไขมันเป็นพลังงานทำให้ก้อนไขมันมีขนาดเล็กลง นอกจากนั้น การออกกำลังกายยังทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดโตขึ้น ซึ่งกล้ามเนื้อที่โตขึ้นมักมีขนาดสม่ำเสมอ (ไม่เหมือนก้อนไขมันที่เวลาโตมักแลดูตะปุ่มตะป่ำ) จึงทำให้แลดูว่าผิวเรียบขึ้น
3. การนวด : โดยใช้ฝ่ามือนวดไปมาลงน้ำหนักที่ละน้อย เริ่มจากหัวไหล่เพื่อลดบริเวณแขน ส่วนบริเวณหน้าท้อง ก็ใช้ฝ่ามือทั้งสองนวดสลับกันจากหน้าท้องถึง หน้าอก บริเวณสะโพกนั้นลูบขึ้นในลักษณะเดียวกัน และบริเวณเรียวขา เริ่มตั้งแต่ข้อเท้าไล่ขึ้นมาจนถึงบริเวณขาอ่อน นวดให้ทั่วทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเรียวขา ซึ่งอาจจะใช้ควบคู่กับครีมลดไขมันเฉพาะส่วน หรือใช้เครื่องนวดที่จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและทำให้เซลลูไลท์แตกตัว
4. Mesotherapy : การฉีดตัวยาหรือสารอาหารสู่ชั้นไขมันด้วยเข็มดิจิตอลขนาดเล็กมาก ทำให้กระบวนการเกิดไขมันถูกขัดขวางไม่สะสม ทำให้เกิดการสลายไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันจะมีลักษณะทางกายภาพเปลี่ยนไป และเป็นการกระตุ้นให้เซลลูไลท์ หรือไขมันส่วนเกินที่สะสม

วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

E X P R E S S I O N S




Avoir le coeur sur la main


Elle a le coeur sur la main, elle donne tout.
Quelqu'un qui a le coeur sur la main, c'est quelqu'un qui est très généreux. [คนที่มีหัวใจอยู่บนมือ คือคนที่โอบอ้อมอารีมาก]

วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2551



Basilique du Sacré-Cœur de Montmartre





Origine de la construction

Depuis toujours Montmartre a été un lieu de culte : les Druides gaulois, les Romains avec les temples dédiés à Mars et Mercure, l'Église Saint-Pierre, la plus ancienne de Paris, reconstruite près de l’Abbaye Royale de Montmartre, au XII' siècle par le roi Louis VI et sa femme Adélaïde de Savoie. Enfin le Sacré-Cœur érigé à la fin du XIX' siècle. La basilique du Sacré-Cœur, dite du Vœu national, située au sommet de la butte Montmartre, surplombant la ville de Paris, est une basilique dont la construction fut décrétée par une loi votée par l'Assemblée nationale le 23 juillet 1873 après la défaite de 1871 pour « expier les crimes des communards », ainsi que pour rendre hommage à la mémoire des nombreux citoyens français qui ont perdu la vie durant la guerre franco-prussienne. C'est l'architecte Paul Abadie (mort en 1884) qui gagne le concours pour sa construction. La première pierre a été posée le 16 juin 1875, et l'église a été construite avec la participation directe du gouvernement de la Troisième République pour célébrer le départ d'un nouveau régime, dont les lois constitutionnelles ont été votées la même année. La Basilique a été majoritairement financée par de très nombreux Français dans le cadre d'une souscription nationale.



Toutefois elle n'a été achevée qu'en 1914 et consacrée qu'en 1919, après la fin de la Première Guerre mondiale.

วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

วันวิสาขบูชา

ต ร ง กั บ วั น ขึ้ น ๑ ๕ ค่ำ เ ดื อ น ๖
ประสูติ
ตรัสรู้
ปรินิพพาน

ความหมาย คำว่า "วิสาขบูชา" หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖ วิสาขบูชา ย่อมาจาก " วิสาขปุรณมีบูชา " แปลว่า " การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ " ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหน ก็เลื่อนไปเป็นกลางเดือน ๗

ความสำคัญ วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ คือเกิด ได้ตรัสรู้ คือสำเร็จ ได้ปรินิพพาน คือ ดับ เกิดขึ้นตรงกันทั้ง ๓ คราวคือ

๑. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติที่พระราชอุทยานลุมพินีวัน ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับเทวทหะ เมื่อเช้าวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี

๒. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อพระชนมายุ ๓๕ พรรษา ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้ามืดวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี หลังจากออกผนวชได้ ๖ ปี ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย

๓. หลังจากตรัสรู้แล้ว ได้ประกาศพระศาสนา และโปรดเวไนยสัตว์ ๔๕ ปี พระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ (ปัจจุบันอยู่ในเมือง กุสีนคระ) แคว้นอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย

นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ที่เหตุการณ์ทั้ง ๓ เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีช่วงระยะเวลาห่างกันนับเวลาหลายสิบปี บังเอิญเกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน ๖ ดังนั้นเมื่อถึงวันสำคัญ เช่นนี้ ชาวพุทธทั้งคฤหัสถ์ และบรรพชิตได้พร้อมใจกันประกอบพิธีบูชาพระพุทธองค์เป็นการพิเศษ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ของพระองค์ท่าน ผู้เป็นดวงประทีปของโลก


วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ทำไมคนเราถึงฝัน

ทราบหรือไม่ว่า ทำไมคนเราเวลานอนหลับถึงฝันได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน...


นักจิตวิทยาในช่วงศตวรรษที่ 19 หรือ 80-90 ปีที่ผ่านมา

ได้ศึกษาเรื่องความฝันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับจิต ไม่ใช่ลางบอกเหตุในอนาคต กลับจะเป็นตัวบ่งชี้ความนึกคิดก่อนฝันเสียด้วยซ้ำ อย่างทฤษฎีของซิกมันด์ ฟรอยด์ นักจิตวิทยาชาวยิวที่ไปอยู่เยอรมัน แล้วเสียชีวิตที่ออสเตรเลีย ถือเป็นนักจิตวิทยาที่โด่งดังคนหนึ่งของโลก กล่าวไว้ว่า ความฝันเกิดจากจิตใต้สำนึกของคนเรา ซึ่งเป็นแรงผลักดันจาก Id หรือ อิด ซึ่งหมายถึงสัญชาตญาณที่ติดตัวมาแต่กำเนิดและเป็นความแตกต่างระหว่างบุคคล ส่วนจิตใต้สำนึกคือความคิด ความรู้สึกที่เราไม่รู้ พูดง่าย ๆ อีกได้ว่าความคิดความรู้สึกที่ไม่รู้คือจิตใต้สำนึก ส่วนที่รู้ก็ไม่เรียกจิตใต้สำนึก ยกตัวอย่างเช่น ช่วงที่เราตื่นอยู่เราไม่ได้คิดถึงฐานะความเป็นอยู่ แต่กลับฝันว่ามีเงินทองร่ำรวยและมีความสุขมาก นั่นแสดงว่าความรู้สึกลึก ๆ ของเราอยากรวยนั่นเอง


ฟรอยด์ กล่าวด้วยว่า

นอกจากนี้ความฝันอาจเกิดจากความต้องการที่ไม่ได้รับการสนองตอบ ทำให้เกิดความคับข้องใจหรือเก็บกด จึงระบายออกมาเป็นความฝัน เช่น ตั้งใจว่าอยากไปดูฟุตบอลยุโรปทัวร์นาเม้นต์ต่าง ๆ ในสนามจริง ๆ ถึงช่วงฮอต ๆ เช่น บอลโลก บอลยูโร ก็เกิดความอยากอยู่เรื่อย เลยเก็บเอาไปฝัน กรณีนี้รวมไปถึงการหลงไหลได้ปลื้มใครสักคน โดยอาจจะนำไปฝันถึงสาวที่ปิ๊งอยู่ก็ได้ ส่วนการทำนายฝันตามตำราน่าจะเป็นศาสตร์คล้าย ๆ กับการทำนายดวงหรือหมอดู


สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนนอนหลับฝันดีกันทุกคืนเลย.